[Review] Ninebot KickScooter F2 Series สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าที่ครบเครื่องสมดุลในทุกการใช้งาน

ใครที่มองว่ารุ่น E2 Plus สเปคยังไม่พอกับการใช้งาน แต่พอจะเลือกรุ่น MAX G2 ก็ดูจะคันใหญ่ไป คำตอบของคุณคือ F2 Series แน่นอนครับ

Segway-Ninebot F2
Segway-Ninebot F2 Pro
October 1, 2023

เนื่องจาก Ninebot F Series เป็นหนึ่งในสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้ารุ่นยอดนิยม Segway-Ninebot เลยเลือกหยิบ F Series มาพัฒนาจนเกิดมาเป็น Ninebot KickScooter F2 Series ครบเครื่องยิ่งกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มไฟเลี้ยวเข้ามา การเปลี่ยนรูปแบบยาง หรือการทำให้รองรับ Apple Find My ได้ วันนี้จะมารีวิวให้ชมกันทั้งหมดครับ โดยเราจะมีการรีวิวทั้งหมด 3 พาร์ทด้วยกัน ประกอบด้วย 1. Exterior Design 2. Specifications 3. Key Features ใครอยากดูพาร์ทไหนเป็นพิเศษสามารถเลื่อนดูได้เลยนะครับ  

Exterior Design

ภาพรวมตัวเครื่อง 

หากมองหน้าตาภาพรวมภายนอกเราอาจจะไม่เห็นถึงความต่างของ F Series และ F2 Series มากนักต้องมานั่งไล่กันทีละจุดครับ แต่หากเทียบ F2 กับ F2 PRO ความแตกต่างภายนอกคือสีของสายเบรกครับและล้อครับ F2 ทั้งเครื่องและสายเบรกจะสีดำล้วน แต่ F2 PRO สายเบรกและสีของวงล้อจะเป็นสีส้มครับ และเพิ่มเติมคือช่วงล่างของคอจะมีโช้คครับผม 

Handlebar กว้างขึ้น

Handlebar ของ F2 Series มีขนาดที่ยาวขึ้นครับ เพื่อความสบายในการจับที่มากกว่าเดิมและทำให้มีพื้นที่ในการติดอุปกรณ์เสริมมากขึ้นด้วยครับ ไล่จากขวาไปซ้าย ฝั่งซ้ายจะมีปุ่มไฟเลี้ยวเพราะ F2 Series มีการ Built-in ไฟเลี้ยวปลายแฮนด์มาให้แบบรองรับมาตรฐาน EU E-Mark E32 จากยุโรปเพื่อความปลอดภัยต่อการใช้งน (F2 PRO จะมีปุ่มแตรไฟฟ้าเพิ่มมาให้ครับ F2 จะไม่มี) ถัดเข้ามาด้านในเป็นกระดิ่งที่มีเกลียวสำหรับล็อกเวลาพับตัวเครื่องตัวเครื่อง และฝั่งขวาเป็นคันเร่งครับ 

หน้าจอ LED

หน้าจอของ F2 Series ยังคงเป็นหน้าจอแบบ LED เหมือนเดิมครับสำหรับแสดงสถานะต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นความเร็วขณะขับขี่ โหมดการขับขี่ ไอคอนต่างเช่น ไฟเลี้ยว แจ้งเตือนอุณหภูมิเกิน หรือการ Error ของตัวเครื่อง โดยมีปุ่มควบคุมการสั่งการ 1 ปุ่มอยู่ด้านล่างของหน้าจอ ไว้ใช้สำหรับเปิด - ปิดเครื่อง, เปิด - ปิดไฟ และเปลี่ยนโหมดการขับขี่ (ซีรีส์นี้มี 3+1 โหมด : ECO, Drive, Sport + Walk)

ลำคอ + ไฟหน้า

ลงมาที่ไฟหน้า เป็นไฟ LED ขนาด 2.1W ทำความสว่าง 13.5 เมตร และการันตามมาตรฐาน EU E-Mark E32 จากยุโรปเพื่อความปลอดภัย ส่วนลำคอยังเป็นอะลูมิเนียมเกรดอากาศยานเพื่อความปลอดภัยและน้ำหนักที่เบาตามเคย เรียกว่าเป็นวัสดุคู่ใจของ Segway-Ninebot อยู่แล้ว นอกจากนี้ยังมีความธรรมดาที่พิเศษอยู่กว่าใครพวกนั่นคือภายในกล่องจะแถมหูเกี่ยวสำหรับแขวนสัมภาระให้ด้วย

แท่นเหยียบกว้างขึ้น

ในส่วนของแท่นเหยียบยังคงดีไซน์เดิมไว้ ด้านหน้ามีช่องสำหรับชาร์จที่มีจุกยางอุดไว้เพื่อกันน้ำเข้า ด้านหลังมีแง่งสำหรับล็อกเวลาพับตัวเครื่อง แต่ที่พิเศษกว่าเดิมคือไฟท้าย (ไฟเบรก) มีขนาดที่ใหญ่พิเศษ กำเบรกทีเห็นทั้งถนนแน่นอน และรองรับมาตรฐาน EU E-Mark เพื่อความปลอดภัยอีกเช่นเคยครับ

  • F2 PRO ด้านหน้าของแท่นเหยียบจะมีช่องที่เหมือนลำโพง สำหรับส่งเสียงเวลาเรากดแตรไฟฟ้า และเป็นช่องสำหรับส่งเสียงสัญญาณกันขโมยอีกด้วย

โช้คหน้าเพื่อความนุ่มที่มากกว่าเดิม

ตรงนี้เป็นอีกหนึ่งจุดต่างของ F2 และ F2 PRO ครับ เพราะ F2 PRO มีการติดตั้งโช้คหน้ามาให้ เป็นโช้คสปริงที่สามารถยุบตัวได้ 35 มม. เพื่อการเดินทางที่นุ่มนวลมากยิ่งขึ้น โดยมีปลอกยางหุ้มอยู่ด้านนอก

ล้อ & ยาง

อีกหนึ่งจุดเปลี่ยนที่ดีมาก ๆ คือ F2 Series เปลี่ยนระบบขับเคลื่อนจากเดิมล้อหน้ากลายเป็นขับเคลื่อนล้อหลังเรียบร้อยครับ  ยางจากยางลมมียางในกลายเป็นยางลมแบบ Tubeless พร้อมเคลือบสารกันรั่วซึมมาให้แล้ว ขนาดยาง 10 นิ้ว และหน้ายางมีขนาดที่กว้างขึ้น จาก 2.125 เป็น 2.5 นิ้วครับ

  • สำหรับสิ่งกีดขวางที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางไม่เกิน 4 มม. และการรั่วซึมของยางไม่อยู่ภายใต้ประกัน

ระบบเบรก

สำหรับ F2 Series ยังคงเป็นระบบเบรกคู่ ดิสก์เบรก + เบรกไฟฟ้าดังเดิมครับ แต่เปลี่ยนให้ระบบดิสก์เบรกมาอยู่ที่ล้อหน้า เพื่อให้ล้อหลังเป็นเบรกไฟฟ้าเพราะมอเตอร์ขับเคลื่อนเปลี่ยนเป็นล้อหลังนั่นเอง

ล็อกคอและการพับ

ปิดจบด้วยระบบล็อกคอรุ่นนี้เป็นล็อกคอแบบใหม่เหมือนกับซีรีส์ใหม่ ๆ แล้วนั่นคือเป็นแบบล็อก 2 ชั้นที่ต้องดึงสลักค้างไว้ถึงจะสามารถปลดล็อกได้ทำให้ปลอดภัยและมั่นคงกว่าเดิม และที่ดีมาก ๆ คือเวลาเราตั้งคอปุ๊ปมันจะล็อกอัตโนมัติในชั้นแรก ทำให้คอตั้งได้เองโดยที่เราไม่ต้องดันสลักไปล็อกก่อนเลยครับ

พาร์ทดีไซน์จบแล่ว ไปต่อพาร์ทต่อไปกัน

Specifications

Key Features

สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าคันแรกของโลกที่รองรับ Apple Find My

ปัญหากับการที่ลืมว่าจอดสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าไว้ตรงไหนจะหายไปในทันทีเพราะ F2 Series รองรับฟีเจอร์ Apple Find My (สำหรับผู้ใช้ระบบปฏิบัติการ iOS เท่านั้น) เข้าใจง่าย ๆ แบบมีประสิทธิภาพคือในแอป Segway-Ninebot จะมีฟีเจอร์ Apple Find My ให้เรากด Pair กับตัวเครื่อง ซึ่งจะทำให้เรารู้ตำแหน่งของมันได้ตลอดเวลาว่าอยู่ที่ไหนของโลกใบนี้ โดยการทำงานของมันจะมีคร่าว ๆ ดังนี้

  • โหมดสูญหาย ช่วยแจ้งเตือนเมื่อเราอยู่ห่างกับสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า
  • Play Sound สามารถสั่งให้สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าของเราส่งเสียงได้
  • แสดงความเป็นเจ้าของในแบบของตัวเอง สามารถตั้งชื่อให้กับสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า และ เลือกไอคอนได้

ความพิเศษอีกอย่างหนึ่งคือ "ระบบค้นหายังคงทำงานได้แม้ปิดเครื่อง" หมายความว่าแอปพลิเคชั่น Find My จะเชื่อมต่ออยู่กับ Bluetooth โดยที่สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าของเรามีแบตเตอรี่ตัวเล็กแยกในตัว ซึ่งจะทำงานด้วยการที่แบตเตอรี่ตัวเล็กจะรับกระแสไฟจากแบตเตอรี่ตัวใหญ่มาเก็บไว้ที่แบตเตอรี่ตัวเล็ก และแบตเตอรี่ตัวเล็กจะทำการปล่อยกระแสไฟอ่อนๆเพื่อให้ระบบ Bluetooth ทำงานอยู่ตลอดเวลาแม้จะดับรถไปแล้ว

*กรณีใช้รถจนแบตหมด 0% แบตเตอรี่ตัวเล็กก็จะหมดไปด้วย Bluetooth จะดับไปด้วยครับ

เป็นรุ่นที่สมดุลในการใช้งานดีมาก ๆ 

สำหรับ F2 Series เป็นรุ่นที่ดีไซน์ออกมาให้สมดุลกับการใช้งานทุกด้านได้ดีมากที่สุด เป็นรุ่นที่ใช้ขับเล่นได้ หรือจะขับจริงจังก็ได้ สำหรับคนที่อยากได้ฟีเจอร์พวก Find My, Traction Control, ระบบไฟเลี้ยว และอีกมากมาย แต่ไม่ได้เน้นสมรรถนะการขับขี่ที่ถึงระดับ MAX G2 แค่รุ่น F2 ก็ได้มาครบแล้วครับ หรืออยากได้โช้คเพิ่ม F2 PRO ให้โช้คสปริงหน้ามาครับ ความเร็ว F2 PRO และ MAX G2 เท่ากันด้วย และจุดที่สำคัญมาก ๆ คือน้ำหนักเบากว่าครับ ถ้าเน้นพกพา F2 Series เหมาะกว่าครับ

ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง + ระบบ TCS + Self-Healing Tires

ใน F2 Series มีการเพิ่มอีกสุดยอด Feature มาคือการเพิ่มระบบ Traction Control System นั่นคือการที่มอเตอร์จะคอยปรับการทำงานของทั้ง 2 ล้อให้สัมพันธ์กัน เพื่อลดอัตราการเกิดล้อฟรีและทำให้ยึดเกาะถนนมากขึ้นในตอนที่เราเข้าโค้ง (สามารถเปิด - ปิดผ่านแอปพลิเคชั่น Segway-Ninebot) + กับการขับเคลื่อนล้อหลังและการใช้ยางแบบเคลือบสารกันรั่วซึม ทำให้การขับขี่ทั้งนิ่งและปลอดภัย 

ไฟเลี้ยว + ระบบไฟ + ความปลอดภัย

ไฟเลี้ยวถือเป็นสิ่งจำเป็นในการใช้งานอันดับต้น ๆ เพื่อให้เป็นมิตรในการขับขี่บนท้องถนน การติดตั้งไฟเลี้ยวหน้า - หลังที่ปลายแฮนด์มีประโยชน์อย่างมากแน่นอนครับ รวมถึงระบบไฟส่วนอื่นทั้งไฟหน้าและไฟท้าย (ไฟเบรก) และ Reflector ด้วย และทั้งหมดรับประกันมาตรฐาน EU E-Mark จากยุโรปเพื่อความปลอดภัย

ความปลอดภัยอื่น ๆ ทั้งหมด

จะเห็นว่า Key Features เกี่ยวกับความปลอดภัยแทบทั้งหมด รวมถึงส่วนอื่น ๆ อย่างแบตเตอรี่ที่มีระบบ BMS ที่คอยจัดการการจ่ายไฟในระบบและสามารถตั้งค่า Charging Limit ได้ด้วยเพื่อเพิ่มอายุการทำงานของแบตเตอรี่ และในส่วนต่าง ๆ ยังมีการรองรับมาตรฐานมากมายไม่ว่าจะเป็นมาตรฐาน UL (UL2271 & 2272) มาตรฐาน IP (IPX5 & IPX6) และรวมถึง EU E-Mark (E32) ที่กล่าวไปข้างต้นด้วย และ MONOWHEEL มีประกันให้เป็นมอเตอร์ 2 ปี แบตเตอรี่ 1 ปี แบบจุก ๆ 

Conclusions : เหมาะกับการใช้งานแบบไหน

สรุปเจ้า Ninebot F2 Series เป็นรุ่นที่ทำความสมดุลออกมาได้ดีมาก ๆ ระยะทางเริ่มต้นที่ 40 กม. และท็อปที่ 55 กม. เรียกว่าใช้งานในระยะต้นถึงกลางได้ดีมาก ๆ น้ำหนัก 17 - 18 กก. ไม่หนักจนเกินไป แต่ถ้าถามถึงข้อเสีย อาจจะเสียสำหรับผู้คนที่เน้นในการใช้งานแบบใดแบบหนึ่งไปเลย แบบถ้าเน้นแค่ระยะใกล้หรือเน้นพกใส่หลังรถ รุ่นที่เล็กกว่าและเบากว่ามี หรือถ้าอยากได้ความเร็ว ระยะทางที่สูงขึ้นกว่านี้อีกก็มี ความสมดุลเกินไปอาจจะไม่เหมาะกับการใช้งานที่หนักไปทางนึงนั่นเองครับ โดยรวม ๆ แล้ว

รุ่นนี้เหมาะสำหรับ

  • ผู้ที่เน้นขับขี่ประจำวัน
  • เน้นทั้งขับขี่และพกพา เพราะฟีเจอร์หลัก ๆ ครบ น้ำหนักและขนาดเครื่องสามารถพกพาได้

และจะไม่แนะนำสำหรับ

  • ผู้คนที่ขับขี่ระยะทางเกิน 35 กม. แนะนำขึ้นรุ่นใหญ่กว่านี้ครับ 
  • ถ้าต้องการเน้นสมรรถนะที่ครบเครื่องกว่าแนะนำขึ้นไปรุ่นสูงกว่านี้ครับ

ทั้งนี้ Usage Case ที่เหมาะและไม่เหมาะเป็นเพียงแค่การยกตัวอย่างเท่านั้นนะครับ เพราะความชอบเป็นเรื่องรสนิยมส่วนตัว ผมอยากให้มาลองกับตัวครับ สุดท้ายฝากน้อง ๆ F2 กับ F2 PRO ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจเหมือนรุ่นอื่น ๆ ด้วยครับ ขอบคุณครับ ‍

⭐️ สอบถามเพิ่มเติมหรือสั่งซื้อ ⭐️

☎️ โทร : 02-107-2993 (9:00 - 23:59 น.) รองรับ 5 คู่สาย

✅ Line : http://bit.ly/LNmonowh (หรือ @MONOWHEEL)

💬 Inbox : m.me/monowheeldotbike

💻 Website : https://www.monowheel.bike

📌 ทดลองเล่น : ศูนย์ MONOWHEEL HQ จุฬาฯ 28 ถนนบรรทัดทอง

🏛️ Google Maps : https://bit.ly/3gNomtg

บทความที่น่าสนใจ

Interesting articles
Back to top