เจาะฟีเจอร์ ‘ไฟเลี้ยว’ ในสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า Ninebot F2

ช่วงนี้ Ninebot F2 มาแรงมากเลยนะครับ บทความนี้เลยอยากมารีวิวเจาะฟีเจอร์สุดฮิตของ Ninebot F2 กันแบบละเอียดยิบ โดยเริ่มจากฟีเจอร์ที่ง่าย ๆ ที่ใช้ได้จริงอย่างไฟเลี้ยว ที่ติดตั้งมาให้ในตัวนะครับ ใช้งานอย่างไร? ดีอย่างไร? เดี๋ยวไปรับชมกันครับ

Segway-Ninebot F2
August 3, 2024

ช่วงนี้ Ninebot F2 มาแรงมากเลยนะครับ บทความนี้เลยอยากมารีวิวเจาะฟีเจอร์สุดฮิตของ Ninebot F2 กันแบบละเอียดยิบ โดยเริ่มจากฟีเจอร์ที่ง่าย ๆ ที่ใช้ได้จริงอย่างไฟเลี้ยว ที่ติดตั้งมาให้ในตัวนะครับ ใช้งานอย่างไร? ดีอย่างไร? เดี๋ยวไปรับชมกันครับ

ระบบไฟเลี้ยว 

หนึ่งในฟีเจอร์ที่เหมาะกับสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าที่เป็นพาหนะขับขี่ นั่นก็คือการติดตั้งไฟเลี้ยวนั่นเอง ในปัจจุบันมีผู้ใช้สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ นะครับ ไฟเลี้ยวจึงจำเป็นอย่างมากเพื่อให้การใช้งานของเราปลอดภัยยิ่งขึ้นครับ

มีไฟเลี้ยวดีอย่างไร 

พูดถึงไฟเลี้ยวในสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าหลาย ๆ ท่านอาจจะยังไม่เห็นภาพว่ามันสำคัญอย่างไร ด้วยความที่สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าเป็นพาหนะที่เล็กมากเมื่อเทียบกับพาหนะรอบข้าง เพราะฉะนั้นเมื่อเราต้องการเปลี่ยนเลนหรือว่าต้องการเลี้ยวในบางจังหวะ การส่งสัญญาณไฟจึงเป็นเรื่องจำเป็นมาก ๆ ถ้าสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าที่เราใช้งานนั้นไม่มีไฟเลี้ยว การส่งสัญญาณในการเปลี่ยนทิศก็จะต้องใช้เป็นการโบกมือ หรือการส่งสัญญาณด้วยเท้าแทน การเปลี่ยนมาใช้เป็นไฟเลี้ยวจึงช่วยอำนวยความสะดวกในการขับขี่ ทำให้เราสามารถขับขี่ได้ปลอดภัยมากขึ้นทั้งในเวลากลางวันและกลางคืนเพราะไฟเลี้ยวของเราสว่างมากเลยนั่นเอง

ไฟเลี้ยวแบบ Built-in ใน Ninebot F2

ระบบไฟเลี้ยวใน Ninebot F2 เป็นแบบติดตั้งในตัว (Built-in) ที่ปลายแฮนด์ทั้ง 2 ฝั่งนะครับ หน้าตาเป็นประมาณนี้เลย โดยจะมีการติดตั้งทั้งด้านหน้าและด้านหลังของปลายแฮนด์ ประกอบและเก็บงานออกมาได้ดีและสวยมาก ๆ วิธีการใช้งานก็ง่าย ๆ นะครับ บริเวณด้านซ้ายของ Handlebar จะมีปุ่มสำหรับใช้งานไฟเลี้ยวอยู่ ตัวปุ่มติดตั้งอยู่ในมุมที่กดใช้งานง่ายมาก ต้องการกดใช้งานไฟเลี้ยวในฝั่งไหนก็ให้กดปุ่มที่ฝั่งนั่นนะครับ โดยไฟเลี้ยวจะติดอยู่ตลอด ซึ่งต้องทำการกดฝั่งเดิมซ้ำอีกครั้งเพื่อปิดนะครับ 

จากการทดสอบให้ระยะการมองเห็นอยู่ที่ 80° นะครับ สามารถมองเห็นได้ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง และสว่างพอที่จะมองเห็นได้ชัด แม้จะอยู่ในเวลากลางวันที่แดดแรงครับ 

ปลอดภัยยิ่งขึ้นด้วยสัญญาณเสียงขณะใช้งาน

การเปิดไฟเลี้ยวอย่างเดียวว่าปลอดภัยแล้วนะครับ แต่เราสามารถเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งานได้เพิ่มขึ้นด้วยถ้าแสงยังไม่พอ ก็ใส่เสียงเข้าไปด้วยนะครับ โดยในแอปฯ​ Segway-Ninebot จะมีฟังก์ชั่น Direction Indicator Sound ให้เราเปิด - ปิดครับ ซึ่งเมื่อเราเปิดใช้งาน ทุกครั้งที่กดไฟเลี้ยวก็จะมีเสียงขึ้นมาด้วยเพื่อเพิ่มเรื่องความปลอดภัยนั่นเองครับ 

ไฟเลี้ยวรองรับมาตรฐาน EU E-MARK 

ความพิเศษของไฟเลี้ยวใน Ninebot F2 ไม่ใช่แค่เรื่องความสวยงามแต่ยังมีเรื่องของความปลอดภัยด้วยนะครับ เพราะไฟเลี้ยวใน Ninebot F2 รวมถึงระบบไฟทั้งตัวเครื่องไม่ว่าจะเป็นไฟหน้าหรือไฟท้ายหรือทับทิมสะท้อนแสงรอบตัวเครื่อง มีการรองรับความปลอดภัยด้วยมาตรฐานสากลอย่าง EU E-MARK ด้วยรหัส E32 ที่รองรับในเรื่องความปลอดภัยของระบบไฟนั่นเองครับ 

EU E-MARK คืออะไร?

EU E-MARK เป็นมาตรฐานรองรับความปลอดภัยของยุโรป เพื่อระบุและรองรับว่าพาหนะไฟฟ้าคันนั้นเป็นไปตามมาตรฐานที่ที่เกี่ยวข้องกับข้อกำหนดด้านความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมของสหภาพยุโรป ซึ่งแน่นอนว่าระบบไฟของสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า Ninebot ของเราได้รับการรองรับจากมาตรฐาน EU E-MARK ทุกคัน ทำให้มีประสิทธิภาพเพียงพอในการส่งไปขายและใช้งานในสหภาพยุโรปได้อย่างแน่นอน

การรองรับมาตรฐาน EU E-MARK ดีอย่างไร? 

การที่สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าของเราได้รองรับตามมาตรฐาน EU E-MARK นั้นมีข้อดีดังนี้

  • ความปลอดภัยในการใช้งาน เพราะการรองรับมาตรฐาน EU E-MARK ช่วยให้มั่นใจได้ว่าระบบไฟเลี้ยวของ Ninebot ให้ทัศนวิสัยที่เพียงพอสำหรับการขับขี่ทั้งในเวลากลางวันและเวลากลางคืนนั่นเองครับ ไม่ต้องกลัวว่าแสงจากไฟเลี้ยวจะสว่างไม่พอ ซึ่งแอดมินลองแล้ว สว่างจนแสบตาครับ
  • ความน่าเชื่อถือในการใช้งาน นอกจากจะใช้งานได้จริงแล้ว ระบบของตัวมันเองยังมีความปลอดภัยระดับสูงด้วยนะครับ ทำให้ไฟเลี้ยวของ Ninebot ใช้งานได้อย่างถูกต้องปลอดภัยในทุกสภาวะครับ 
  • การันตีวัสดุคุณภาพระดับสูง โดยทั่วไปแล้วการที่ระบบไฟได้รับการการันตีจาก EU E-MARK นั้นแสดงว่าวัสดุที่ใช้และการประกอบจะมีคุณภาพและเต็มไปด้วยระบบเทคโนโลยีระดับสูงนั่นเองครับ ยกตัวอย่างเช่น การใช้หลอดไฟ LED แบบมีคุณภาพเพื่อประสิทธิภาพการใช้งานที่ดีและยาวนานยิ่งขึ้น

ไฟเลี้ยวแบบ Built-in ดีกว่าซื้อแยกอย่างไร 

อย่างที่บอกไปนะครับว่าการซื้อสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าที่มีไฟเลี้ยวนั่นย่อมดีกว่า แต่แน่นอนว่าจะมีคำถามตามมาอีกว่าแบบนี้ซื้อไฟเลี้ยวแยกมาติดเองก็ได้เหมือนกันไม่ใช่หรอ คำตอบคือไม่ใช่นะครับ เพราะการซื้อไฟเลี้ยวแยกมาประกอบเองมีข้อเสียที่ตามมาด้วยไม่ว่าจะเป็น

  • ยากที่จะประกอบให้มีประสิทธิภาพเหมือนกับไฟเลี้ยวที่ติดตั้งมาในตัว เพราะต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญในการทำแถมยังต้องคอยเปลี่ยนถ่านหรือแก้ไขระบบไฟด้วย รวมถึงเสี่ยงต่อการถูกถอดหรือขโมย
  • ไม่ปลอดภัยและทนทานเท่ากับสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าที่มีการติดตั้งระบบไฟเลี้ยวมาในตัว ยกตัวอย่างเช่น Ninebot F2 ที่มีการรองรับมาตรฐาน EU E-MARK การันตีเรื่องความน่าเชื่อถือและความปลอดภัย นอกจากนี้ยังการันตีด้านอายุการใช้งานที่ยาวนานและไม่พังง่าย ๆ ด้วยครับ 

และนี่ก็เป็นการรีวิวภาพรวมโดยคร่าว ๆ ของการที่สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้ามีไฟเลี้ยวนะครับ เชื่อว่าไฟเลี้ยวจะกลายเป็นหนึ่งในฟีเจอร์หลักที่ชาวสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าขาดไปไม่ได้อย่างแน่นอนครับ 

บทความที่น่าสนใจ

Interesting articles
Back to top