[รีวิว] Ninebot KickScooter F2 สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าตัวจบ ฟังก์ชั่นครบ งบไม่เกิน 30,000

สวัสดีชาวเมืองรถติด! วันนี้แอดจะพามาดูกันว่าทำไม Ninebot F2 ถึงกลายเป็นสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าที่ฮอตฮิตสุด ๆ ในหมู่คนงบจำกัดแต่อยากได้ของดีกันครับ

Segway-Ninebot F2
July 17, 2024

สวัสดีผู้อ่านทุกท่านนะครับ ไม่ได้อัปเดตบทความมานาน วันนี้จะมารีวิวสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า Ninebot สุดฮอตฮิต แบบฟังก์ชั่นครบ ที่จบได้ในราคาไม่ถึง 30,000.- กัน ซึ่งจะเป็นรุ่นไหนไปไม่ได้ แต่ต้องเป็น Ninebot F2 รุ่นใหม่ล่าสุดเท่านั้น ส่วนทำไมถึงต้องเป็นเจ้า Ninebot F2 นั้น เรามาดูกันครับ

Ninebot คันเดียวจบ…เพียงพอต่อการเดินทาง

Ninebot F2 ทำความเร็วสูงสุดได้ 30 กม./ชม.  แถมชาร์จครั้งเดียวไปได้ไกลถึง 40 กม. เรียกว่าไปทำงาน ไปเรียน หรือออกไปเที่ยวในเมืองสบาย ๆ เลยครับ ถ้าใช้งานวันละ 2-3 กม. เรียกว่าสัปดาห์นึงชาร์จครั้งเดียวก็เหลือ ๆ ครับ ไม่ต้องชาร์จบ่อยกัน

สามารถชาร์จไฟบ้านได้เลย

ใช้แล้วสบายใจเพราะเบรกดี

Ninebot F2 ใช้ระบบเบรกคู่ ที่มีเบรกตัวชูโรงเป็น 'ดิสก์เบรก' หรือเบรกจานเบรกที่เราคุ้นกันในทั้งรถจักรยานไปจนถึงรถยนต์ ซึ่งข้อดีที่โดดเด่นเลยคือการให้ระยะเบรกที่สั้น และยังคงสมรรถนะที่ดีได้แม้จะใช้งานในสภาพอากาศแบบไหนก็ตาม ถ้าถามถึงเรื่องสมรรถนะการเบรก ดิสก์เบรกไม่ได้อ่อนกว่าเบรกประเภทออื่นแน่นอน นอกจากนี้ยังสามารถปรับแรงการเบรกให้ชินมือกับผู้ใช้งานได้อีกด้วย แต่แนะนำให้ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ทำนะครับ เพื่อความปลอดภัย

มอเตอร์ที่แรงเพียงพอต่อการใช้งาน

Ninebot F2 มาพร้อมมอเตอร์ที่ส่งกำลังสูงสุดถึง 700 วัตต์ ขับเคลื่อนล้อหลัง เช่นเดียวกับรถสปอร์ตที่มักจะวางเครื่องยนต์ไว้ที่บริเวณล้อหลัง ซึ่งทำให้มีข้อดีเลยคือให้สมรรถนะการขับขี่ที่ทั้งนิ่มและนุ่มนวล แต่ยังคงอัตราเร่งที่ดีไว้ได้ นอกจากนี้ Ninebot ยังพัฒนาฟีเจอร์พิเศษอย่าง TCS (Traction Control System) หรือระบบกันล้อฟรีในรถยนต์และจักรยานยนต์ราคาสูงที่เรารู้จักกัน ทั้งนี้เพื่อช่วยในบางจังหวะที่เราต้องขับผ่านพื้นที่ลื่น หรือพื้นฝุ่น พื้นทรายที่มีโอกาสที่ล้อจะสะบัดสูง การมี TCS เมื่อล้อเกิดอาการฟรีเกิดขึ้น มอเตอร์จะทำการตัดกำลังไฟฟ้าเพื่อป้องกันลดโอกาสล้มนั่นเอง

เผื่อหลายท่านยังไม่เห็นภาพของระบบ TCS ผมมีวิดีโอให้รับชมแก้งงกันด้วยครับ >> Traction Control System

การควบคุมการขับขี่ที่สมูธ

ต่อจากเรื่องมอเตอร์ที่บอกไปในหัวข้อก่อน นอกจากจะออกแบบให้การออกตัวที่นุ่มนวลแล้ว Ninebot F2 ยังมีฟังก์ชั่นไม่ลับอย่างระบบ Zero Start อีกด้วย ซึ่งมันคือระบบที่ทำให้สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าของเราสามารถปรับการออกตัวให้สามารถกำเบรก และกดคันเร่งแล้วออกตัวได้เลย ไม่ต้องเอาขาไถ หลายท่านอาจจะไม่ได้เข้าใจว่ามันดีอย่างไร แต่มันสบายขึ้นในหลายจังหวะสำหรับคนที่ไม่ชอบเอาขาไถสกู๊ตเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นตอนที่เราติดเบาะ หรือตอนที่เราจอดรอไฟแดงแล้วไฟเขียวพอดี ก็กำเบรกแล้วกดคันเร่งออกตัวได้อย่างฉับไวนั่นเอง

หน้าจอที่เป็นเรือนไมล์ LED สุดสวย

แน่นอนว่าสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าระดับนี้ต้องมาพร้อมหน้าจออยู่แล้ว ซึ่งเจ้า Ninebot F2 มาพร้อมหน้าจอ LED ที่บอกสถานะที่ต้องใช้งานอย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นหน้าปัดความเร็ว แถบแสดงปริมาณแบตเตอรี่ โหมดการขับขี่ สถานะการเปิดปิดไฟ และที่ไม่อยากเจอที่สุดอย่างการแจ้งสถานะที่ผิดปกติกับตัวเครื่อง (Error Code) นั่นเอง

ไฟเลี้ยวในตัว ฟังก์ชั่นง่าย ๆ ที่ 'ง่าย' กว่าเดิม

Ninebot F2 มีไฟเลี้ยวในตัว (ฟีเจอร์ใหม่เอี่ยม!) ช่วยให้การใช้งานนั้นดีกว่าเดิมครับเพราะช่วยให้รถข้างหลังมองเห็นเราเวลาจะเลี้ยวด้วย และแน่นอนว่ายังมีไฟหน้า-หลังแบบ E-MARK ส่องสว่างจ้าแม้ตอนกลางคืน ขี่ยังไงก็อุ่นใจ

ไฟเลี้ยว
ไฟหน้า
และไฟท้าย

ล้อที่ 'ใหญ่' และ 'ไม่รั่วซึม'

ล้อของ Ninebot F2 ใช้เป็นล้อยางลมแบบไม่มียางใน (Tubeless) ขนาดยางอยู่ที่ 10 นิ้ว และหน้ากว้าง 2.5 นิ้ว ทำให้ยึดเกาะถนนได้ดี และที่พิเศษเลยคือภายในตัวยางจะมีการใส่สารเคลือบสารกันรั่วซึม ที่จะมีหน้าที่ในการอุดรอยรั่วเมื่อล้อยางโดนตะปูหรือวัตถุไม่พึงประสงค์ทิ่มเอา (แต่ต้องเส้นผ่าศูนย์กลางไม่เกิน 4 มล. นะ) บอกเลยข้อนี้เลิฟมากเพราะขี่ยังไงก็ไม่มีวันรั่ว  ไม่ต้องกลัวยางแบนกลางทางเลยแหละ

ล้อยางลม Tubeless ของ Ninebot F2
สารกันรั่วซึม ให้ความรู้สึกเหมือนเจลลี่

สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้ารุ่นแรกของโลกที่เชื่อมต่อ Apple Find My ได้

เพียงแค่เชื่อมต่อกับแอพ Segway-Ninebot ก็จะสามารถปรับการตั้งค่าต่าง ๆ ของสกู๊ตเตอร์ได้อย่างสะดวก แถมยังรองรับ Apple Find My สำหรับสาวก iPhone อีกต่างหาก บอกเลยว่าไม่ว่าสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าคันนี้จะอยู่ที่ไหนก็หาเจอ ส่วนใครอยากดูเป็นวิดีโอ ทางเราก็ได้ทำวิดีโอไว้แล้วเช่นเดียวกันครับ สามารถคลิกที่ตรงนี้ได้เลย >>> Apple Find My

เริ่มจากโหลดแอพ Segway-Ninebot ก่อน
และทำการเชื่อมต่อ Ninebot F2 กับแอพ Segway-Ninebot
หลังจากนั้นก็เริ่มทำการจับคู่  Apple Find My
เพียงแค่เปิดแอพ Apple Find My ขึ้นมา
และทำการค้นหาสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า
ตั้งอิโมจิสุดจะน่ารัก!
ก็จะสามารถรู้ตำแหน่งสกู๊ตเตอร์ของตนเองได้แล้ว ง่ายมาก!

งานประกอบสุดพรีเมี่ยมและวัสดุคุณภาพสูง

มีความแข็งแรงสูง นอกจากนี้ยังมีระบบ BMS ที่ช่วยยืดอายุแบตเตอรี่ มีระดับการกันน้ำ IPX5 สำหรับตัวสกู๊ตเตอร์ และ IPX6 สำหรับแบตเตอรี่ เจอฝนนิดหน่อยไม่กลัว

โดยรวมสวยมากกกก

พับได้ พกพาสะดวก

ด้วยน้ำหนักของเจ้า Ninebot F2 ที่หนักเพียง 17.5 กก. และยังออกแบบมาให้สามารถพับได้อีกด้วย ทำให้จะพับเพื่อยก หรือพับใส่หลังรถ หรือจะพกขึ้นรถไฟฟ้าก็สะดวก แถมส่วนตัวล็อกสำหรับพับ ออกแบบมาให้แข็งแรง ใช้งานง่าย และล็อกไม่หลุดเองอีกด้วย

เพียงปลดล็อกตามนี้
เอาเกลียวของกระดิ่งล็อกกับแง่งที่บังโคลนหลัง
เสร็จแล้ว
ก็สามารถพับสกู๊ตเตอร์และยกได้แล้ว!

ขับระยะไกลแบบไม่ต้องกลัวเมื่อย

เพราะ Ninebot F2 สามารถใส่เบาะเสริม* ได้ ทำให้นั่งขับได้สบาย ไม่ต้องยืนนาน ๆ ใครที่อยากจะมีพื้นที่เก็บของ ทางเราก็มีเบาะเสริมที่มีกระเป๋า สามารถใส่ของเข้าไปได้ด้วยนะ โดยที่สามารถถอดเข้าถอดออกได้ บอกเลยว่าตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายสุด ๆ

แค่เลื่อนกระเป๋าออก
ก็สามารถถอดได้แล้ว
ใช้งานง่ายสุด
ดูเท่ ดูมีสไตล์

*เบาะเสริมเป็นอุปกรณ์เสริมที่แยกจัดจำหน่ายในราคา 3,990.- (แบบมีกระเป๋า) และ 2,690.- (แบบไม่มีกระเป๋า)

ว่าไงละเพื่อนๆ  สนใจกันบ้างมั้ย? ถ้าใครกำลังมองหาสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าสักคัน Ninebot F2 น่าจะเป็นตัวเลือกที่ไม่ควรพลาดเลยล่ะ! ถ้าใครสนใจเจ้าสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าสุดล้ำคันนี้ก็สามารถติดต่อที่ Line : @MONOWHEEL ได้เลย หรือถ้าอยากดูรายละเอียดสินค้าเพิ่มเติมก็สามารถคลิกที่ >> Ninebot F2 นี้ได้เลย

บทความที่น่าสนใจ

Interesting articles
Back to top