Ninebot D38U สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าสุดประหยัดค่าไฟ

สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าใครๆก็บอกว่าสุดประหยัด แต่ประหยัดคือเท่าไร? ถ้าเราไปทำงานโดยขับสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าต้องจ่ายค่าไฟเดือนละเท่าไรกันนะ วันนี้ผมเลยนำมาเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายกับกรณีเดินทางโดยใช้รถยนต์ส่วนตัวหรือใช้ขนส่งสาธารณะให้ดูกัน

น้ำมันแพง ใครก็บ่นล่าสุดก็ขึ้นอีกแล้ว จาก 16.95 / ลิตร เมื่อช่วงโควิดแพร่ระบาด (23 เม.ย. 2563) ปัจจุบันแก๊สโซฮอล์ 95 พุ่งมาเป็นเกือบ 35 บาท / ลิตรแล้ว ใครใช้รถยนต์ไปทำงานนี่คงต้องกุมขมับไปตามกัน เติมน้ำมันถังหนึ่ง 1,500 บาท ขึ้นไปแล้วตอนนี้ มากกว่านั้นยังต้องเจอรถติดอยู่บนถนนวันละหลายชั่วโมงอีก ไม่ก็ต้องยืนเบียดอยู่บนรถไฟฟ้าตอนเช้า แถมยังต้องแย่งกันขึ้น

‍

ส่วนตัวคิดว่าสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้านี้ตอบโจทย์และแก้ปัญหาเหล่านี้มาก ไม่ต้องรถติดบนถนน ไม่ต้องเบียดเสียดบนรถไฟฟ้า หรือรอต่อคิวรอวินมอเตอร์ไซค์ แถมยังประหยัดเงินในกระเป๋าอีกด้วย ค่าใช้จ่ายในการเดินทางและค่าบำรุงลดลงอย่างมากในแต่ละเดือน วันนี้ผมจะมาคำนวณกันว่าถ้าใช้สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าจะประหยัดขึ้นเท่าไรบ้างในแต่ละเดือน

สมมุติว่าเราต้องไปที่ทำงานทุกวันวันละ 15 กิโล เราต้องเสียค่าไฟเท่าไรนะ

สมมุติเราใช้ Ninebot D38U ที่ปกติขับได้ 38 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง โดย Ninebot D38U มีแบตเตอรี่ 36 V และ มีขนาดแบตเตอรี่ 10.2 Ah จะมีกำลังไฟฟ้าเท่ากับ 36 V * 10.2 Ah = 367.2 วัตต์-ชั่วโมง หรือ 0.3672 กิโลวัตต์-ชั่วโมง

สมมุติค่าไฟโดยเฉลี่ยที่หน่วยละ 4 บาท จะต้องเสียค่าไฟ 0.3672 * 4 = 1.47 บาท ต่อชั่วโมง

สำหรับ Ninebot D38Uใช้เวลา 6.5 ชม.ในการชาร์จ เราจะเสียค่าไฟประมาณ​ 9.55 บาท ต่อการชาร์จให้เต็มหนึ่งรอบ เท่ากับว่าเราเสียค่าไฟกิโลเมตรละ 9.55/38 = 0.25 บาทเท่านั้น

ลองเปรียบเทียบกับการเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว

กรณีถ้าเราเดินทางโดยใช้รถยนต์ส่วนตัวเป็นประจำเพื่อไปทำงานระยะทางขาไป 15 กม. โดยปกติถ้าขับรถยนต์อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันประมาณ 9 กม./ลิตร ถ้าต้องมาทำงานไป-กลับระยะทาง 30 กม. จะสิ้นเปลืองน้ำมันอยู่ที่ 3.33 ลิตร ราคานำ้มัน ณ ปัจจุบัน (34.95 บาท/ลิตร)  เท่ากับต้องเสียค่าน้ำมัน 116.38 บาท ต่อ เดือนนึงอาจต้องเสียค่าน้ำมัน 22 วัน * 116.38 บาท = 2,560 บาท  ยังไม่รวมค่าบำรุงรักษารถยนต์ที่อาจเสียเดือนละประมาณ 2,000 บาท รวมๆอาจถึง 4,560 บาทเลยทีเดียว

แต่สำหรับสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า ระยะทางไป-กลับ 30 กิโลเมตร เราจะเสียค่าไฟเพียง 30 * 0.25 = 7.5 บาทเท่านั้น หากคิดเป็นเดือนเพียงเดือนละ 22 วัน * 7.5 บาท = 165 บาท เท่ากับว่าเราประหยัดไป 4,395 บาทเลยทีเดียว แล้วถ้าเป็นปีหละเราจะมีเงินเพิ่ม 12 เดือน * 4,395 บาท = 52,740 บาท เลยทีเดียว เมื่อเทียบกับสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า Ninebot D38U ที่ราคา 23,900.- เราสามารถคืนทุนจากการซื้อเครื่องได้ภายใน 5 เดือนครึ่งเท่านั้น

ลองเปรียบเทียบกับการเดินทางโดยขนส่งสาธารณะ

สมมุติว่าปกติเราเสียค่ารถไฟฟ้าขาไป-กลับ 130 บาท และต้องต่อวินมอเตอร์ไซค์อีก 70 บาท เท่ากับว่าเราต้องเสียค่าเดินทางขาไปวันละ 200 บาท ถ้าเดินทางทั้งเดือนจะเสียค่ารถประมาณ 4,400 บาท แต่สำหรับสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า ระยะทางไป-กลับ 30 กิโลเมตร เราจะเสียค่าไฟเพียง 30 * 0.25 = 7.5 บาทเท่านั้น หากคิดเป็นเดือนเพียงเดือนละ 22 วัน * 7.5 บาท = 165 บาท เท่ากับว่าเราประหยัดไป 4,235 บาทต่อเดือนเลยทีเดียว แล้วถ้าเป็นปีหละเราจะมีเงินเพิ่ม 12 เดือน * 4,235 บาท = 50,820 บาท เลยทีเดียว เมื่อเทียบกับสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า Ninebot D38U ที่ราคา 23,900.- เราสามารถคืนทุนจากการซื้อเครื่องได้ภายใน 5 เดือนครึ่งเท่านั้น

แบตเตอรี่หมดก็แค่ชาร์จไฟบ้านปกติ

Ninebot D Series แรงดันไฟฟ้าตามคู่มือคือ 100 - 240 โวลต์ ซึ่งสามารถชาร์จไฟบ้านโดยตรงได้เลย มีอะแดปเตอร์และสายชาร์จแถมมาให้ในกล่องด้วย กลัมาถึงบ้านก็แต่เสียบปลั๊กไฟได้เลย สำหรับ Ninebot D38U ใช้เวลาชาร์จประมาณ 6.5 ชม. เท่านั้น ชาร์จไว้ค้างคืนก็ไม่ห่วงเพราะมีระบบ BMS (Batttery Managemnet System) ตัดไฟอัตโนมัติเมื่อความร้อนสูงเกินไป ป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร นี่ยังไม่นับรวมเรื่องความสะดวกในการเดินทาง ไม่ต้องต่อคิวเพื่อรับบริการวินมอเตอร์ไซค์หรือเจอปัญหารถติดบนท้องถนน แถมบ้านใครติดโซล่าเซลล์อยู่แล้วเรียกว่าคุ้มสุดๆ และยังมีประกัน x2 จากศูนย์อีกด้วย

‍