ด้วยตัวล้อ 10.5″ และเป็นยางลม และการทรงตัวของ Segway ที่ทำได้ดีมาก Ninebot S ได้เกือบทุกพื้นผิว ไม่ว่าจะเจอพื้นหิน, พื้นถนนคอนกรีต, พื้นยางมะตอย หรือแม้กระทั่งฟุตปาธแบบหินหกเหลี่ยม หรือตัวหนอนที่มีความขรุขระ (แต่ไม่มีอิฐหายไปนะครับ) หรือจะเป็นร่องน้ำเล็กๆ หรือ ขึ้นเนิน ก็สามารถเล่นได้อย่างง่าย ในส่วนของหลังเต่า สามารถขึ้นได้สบายครับ แต่ถ้าเป็นอันสั้น ๆ ชัน ๆ ส่วนมากจะไม่ค่อยไหวครับ

ลูกค้าสามารถปรับความเร็วได้ใน Segway application ครับ โดยสามารถปรับความเร็วได้สูงสุดถึง 16 km/h ครับ สำหรับโหมดที่เป็นตัว Self-balancing.

Ninebot S เหมาะสำหรับเด็กมากกว่าครับ เนื่องจากตัวบาร์เหมาะสมกับผู้ใช้ส่วนสูงไม่เกิน 180 เซนติเมตร วิธีการใช้งานและหน้าตาของตัวเครื่อง แทบจะไม่แตกต่างกันเลย ส่วนที่แตกต่างกันหลังคือในส่วนของตัวก้านควบคุม Ninebot miniPRO สามารถปรับขึ้นลงได้ ถอดง่ายกว่า แต่สำหรับรุ่น Ninebot S จะไม่สามารถปรับได้ และความเร็วสูงสุด ซึ่งตัว miniPRO ทำได้ดีกว่าครับ

ขนาดล้อที่ใหญ่จะส่งผลต่อขับขี่โดยตรงครับ ล้อทีใหญ่กว่าการข้ามอุปสรรคต่างๆ เช่น หลุม,บ่อ,ร่องท่อ,การขึ้นลูกระนาด หรือพื้นที่ขุรขระก็จะทำได้มากกว่าครับ ส่วนกำลังมอเตอร์ส่งผลต่อ ”อัตตราเร่ง” การที่มอเตอร์กำลังเยอะจะสามารถทำให้การขับขี่ขึ้นทางลาดชัน และการรักษาสมดุลในการตั้งฉากกับพื้นดีได้กว่าครับ

เวลาแบตใกล้หมดความดเร็วมันจะลดลงเรื่อยๆเป็นสัญญาณ ตัวเครื่องจะร้องพร้อมแรงต้านเรากลับครับ แนะนำว่าอย่าพยายามเร่งความเร็วเกินครับ

ต้องเรียกว่าตัว Ninebots เป็นรุ่นที่ฝึกง่ายที่สุดครับ หากมีผู้เชี่ยวชาญสอน ใช้เวลาไม่เกิน 5 นาทีแน่นอนครับ

ไม่สามารถขึ้นได้ (ทั้งโหลดใต้เครื่อง และถือขึ้นเครื่อง) เนื่องจากว่าตัวเครื่องมีขนาดแบตเตอรี่่ อยู่ที่ 300-350 Watt-hour ซึ่งเกินกว่าค่าที่ทาง FTA กำหนดไว้ที่ 160 Watt-hour ครับ

แบรนด์ Ninebot เป็นแบรนด์ของประเทศจีนที่จำหน่ายสินค้าประเภทรถไฟฟ้าที่มีชื่อเสียงในต่างประเทศ ซึ่ง Ninebot ซื้อบริษัท Segway ของประเทศสหรัฐอมริกา สินค้าบางรุ่นจึงใช้ชื่อว่า Ninebot by Segway โดยทาง MONOWHEEL เป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ Ninebot หากลูกค้าที่ซื้อสินค้าของแบรนด์กับทางเรา สามารถติดต่อศูนย์ซ่อมของ MONOWHEEL เพื่อรับการบริการได้เลยครับ 😉