[Review] รีวิวเปรียบเทียบ Ninebot ES2 vs ES4 vs MAX สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้ายอดฮิตที่สุดในปี 2020
เปรียบเทียบสเปคและการใช้งานอย่างละเอียดกับสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้ารุ่นยอดฮิต 2020 จาก Segway
ในปีที่ผ่านมาทาง Segway ได้เปิดตัว Ninebot Kickscooter MAX ซึ่งเป็นสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ล่าสุด ที่ตอบโจทย์ทุกการเดินทาง เพราะสามารถวิ่งไกลได้ถึง 65 กิโลเมตร ไม่ต้องห่วงเรื่องแบตเตอรี่ หลังจากนั้นก็เริ่มมีผู้ที่สนใจและเข้ามาสอบถามทาง Monowheel มากขึ้น ว่ามันต่างกับรุ่นอื่นๆยังไง ราคาแบบนี้ ซื้อดีมั้ย ? หรือจะเลือกเป็นรุ่นไหนดี ? หลังจากเก็บข้อสักถามมาได้สักพักก็ถึงเวลาที่เราจะมารีวิวสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าทั้ง 3 รุ่น ของ Segway กัน ว่าควรซื้อรุ่นไหน หรือถ้าจะเลือกแบบตามสเปคควรจะเลือกรุ่นไหนดี เรามาเริ่ม รีวิวเปรียบเทียบ ES2 vs ES4 vs MAX สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้ายอดฮิตที่สุดในปี 2020 พร้อมเจาะลึกเรื่องสเปค และจุดเด่นที่น่าสนใจกัน…
ขอแนะนำทั้ง 3 รุ่นให้รู้จักกันก่อน
Ninebot Kickscooter ES2 รุ่นฮิต เน้นการพกพา ใช้คล่อง ไปไหนก็ได้
หลังจาก ES2 ถูกเปิดตัวมาเป็นเวลาปีกว่าๆ รุ่นนี้ได้รับความนิยมมากที่สุดทั้งต่างประเทศและในไทย ใครที่กำลังศึกษาหาข้อมูลอยู่จะเห็นว่าช่วงปีที่แล้วตัวสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าจะเป็นสี Silver แต่สำหรับปีนี้ ถูกเปลี่ยนเป็นสี Dark Gray แล้วครับ เนื่องด้วยถูกรีเควสมาเป็นจำนวนมากว่าอยากได้สีดำ
สำหรับสเปคพื้นฐานที่วิ่งด้วยความเร็ว 25 กม/ชม. และวิ่งได้ในระยะทาง 25 กม. นับว่าเป็นความเร็วที่กำลังพอดีสำหรับการเดินทางไปทำงาน และด้วยน้ำหนักเพียง 12.5 กิโลกรัม นั้นยิ่งทำให้ตอบโจทย์การใช้งานของถนนไทย เพราะมันยกขึ้นลงฟุตปาธง่ายๆ พร้อมทั้งมีโช้คหน้า-หลัง หลุมหรือร่อง ก็ไปได้ หากต้องการศึกษาเพิ่มเติมแบบละเอียด อ่านต่อได้ที่ : 15 เรื่องควรรู้ของ Ninebot ES2 >> http://bit.ly/2w7YTIb
Ninebot Kickscooter ES4 ก็คือรุ่นอัพเกรดของ Ninebot ES2 ที่ติดแบตเสริม เน้นวื่ง เร็ว
อุปกรณ์เสริม External battery assembly for ES2 หรือแบตเสริม จะช่วยเพิ่มความเร็ว โดยจะเพิ่มขึ้นจาก 25 กม/ชม. เป็น 30 กม/ชม. และช่วยให้ระยะทางเพิ่มขึ้นจาก 25 กม. เป็น 45 กม. การติดแบตเสริมจะเหมาะกับคนที่อยากเพิ่มความเร็ว เริ่มเดินทางบ่อยมากขึ้น ยังจำเป็นต้องยกอยู่ ถึงจะติดแบตแล้ว ES4 ก็ยังยกไหวอยู่จะเริ่มหนักทางด้านหน้ามากขึ้นเท่านั้นเอง ถือว่าเป็นไอเทมยอดนิยมอีกอย่างเลยสำหรับคนที่ซื้อ ES2 ไปแล้วส่วนใหญ่จะกลับมาซื้อแบตเสริมกันไปด้วย
Ninebot Kickscooter MAX = สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้ารุ่นท็อปของ Segway
รุ่น MAX ถือว่าเป็นรุ่นท็อปสุดตอนนี้ ด้วยเครื่องที่ถูกออกแบบมาให้เหมาะเดินทางได้อย่างดีเยี่ยม ทรงตัวได้ง่ายด้วยแท่นยืนที่กว้างถึง 7 นิ้ว โดยสามารถวิ่งได้ไกลมากกว่ารุ่นอื่นๆ สเปคต่างๆมีการเปลี่ยนแปลงจาก ES2 อย่างชัดเจน ตั้งแต่ดีไซน์เครื่อง, การย้ายตำแหน่งของแบตเตอร์รี่, มอเตอร์, AC Adapter, และล้อยางลม นับว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงใหม่แบบยกเครื่อง และทำให้ MAX กลายเป็นสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าที่เหมาะกับการเดินทางมากที่สุด ว่าแต่มันดียังไงอยากรู้สเปคแบบละเอียด ขอแนะนำเข้าไปอ่านได้ที่ >> http://bit.ly/2T9p5Ku เป็นรีวิว Ninebot MAX แบบละเอียดของแอดเองแหละ 555 ต้องขออภัยที่ Blog นี้อาจจะไม่ได้รีวิว MAX แบบละเอียดมากนัก เพราะเราจะมาเจาะจุดแตกต่างและข้อดีของแต่ละรุ่นกัน
“จะเห็นได้ชัดเลยว่าสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าแต่ละรุ่นนั้นมีข้อดีของตัวเองและเหมาะกับใช้งานคนละแบบนี่เป็นเพียงการเกริ่นเริ่มต้นเท่านั้น เรามาเจาะลึกข้อมูลกันเลย !!”
ดีไซน์แฮนด์ถูกรื้อใหม่ยกเซต
จะเห็นว่ารูปร่างหน้าตาของแท่นบังคับระหว่าง ES2 และ MAX นั้นมันไม่เหมือนกันเลย เอ๊ะแล้ว ES4 ไปไหน (ต้องบอกว่า ES4 ก็เหมือนกับ ES2 เลยครับต่างกันแค่ติดแบตเสริม ส่วนนี้เอาไว้พูดถึงในช่วงของความเร็วเนอะ) โอเคกลับมาต่อ จริงๆนอกจากหน้าตาไม่เหมือนกันแล้วเนี่ย จุดบังคับบางจุดก็ถูกเปลี่ยนด้วยครับ
- จุดแรกของ ES2 จะเป็นเบรกครับ โดยปุ่มกดสีเทาด้านซ้ายจะเป็นเบรก แต่ของ MAX จะถูกปรับหน้าตาเบรกไปเป็นเบรกแบบจักรยานแทนครับอยู่ด้านซ้ายเหมือนกัน
- ES2 จะถูกเก็บสายไฟให้อยู่ในก้านเครื่อง ในขณะที่ MAX สายไฟจะอยู่ด้านนอกครับ
- MAX ถูกเพิ่มตัวล็อคขึ้นมาสำหรับใช้เวลาพับเครื่อง ตัวล็อคจะอยู่ตรงกลางระหว่าง คันเร่งด้านขวา และหน้าจอตรงกลางครับ
LED Display แบบใหม่ พร้อมโหมดที่แตกต่าง
- ตัวหน้าจอ LED Display มีลักษณะแตกต่างอย่างชัดเจนโดย ES2 จะเป็นวงกลม แต่ MAX จะเป็นทรงสีเหลี่ยมผืนผ้าแนวตั้ง
- โหมดที่แตกต่างชอง ES2 เวลากดดับเบิ้ลคลิ๊กจะเป็นมี S สีขาว และ S สีแดงที่ใช้ในการบอกโหมดความเร็วครับ
- ส่วน MAX จะเป็น Eco, D และ S ที่ใช้ในการบอกโหมดความเร็วแทน
ล้อยางลม ยางตัน รับแรงกระแทกคนละแบบ..
- ล้อของ ES2 จะเป็นยางตันขนาด 8 นิ้ว มีโช้คหน้า-หลัง ช่วยซึมซับแรงกระแทก อันนี้จะปลอดภัยเวลาขี่บริเวณพื้นที่อันตราย
- สำหรับ MAX ตัวยางจะเป็นยางลมขนาดใหญ่ 10 นิ้ว ที่มีกันรั่วในตัว หรือที่เรียกว่า Self-healing tire ช่วยป้องกันยางให้แข็งแรง และยางลมนั้นช่วยให้การขับขี่นั้นนุ่มมากกว่าล้อยางตัน ซึ่งมันเหมาะกับการเดินทาง มันทำให้เราได้รับแรงกระแทกน้อยลง แต่ถึงอย่างไรก็อยากให้หลีกเลี่ยงจุดอันตราย เช่น เศษกระจก ครับ เพราะมันเป็นยางลมแล้วยังไงก็อาจจะรั่วได้เช่นกัน
แบตใหญ่ขึ้นขับไวกว่าเดิม…
สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าทั้ง 3 รุ่นจะมีขนาดมอเตอร์และแบตเตอร์รี่ที่แตกต่างกันไป
- ES2 มอเตอร์ขนาด 300-700 Watt แบตเตอร์รี่ 2 Watt/hr. วิ่งได้เร็วสุด 25 กม/ชม. และวิ่งได้ในระยะทาง 25 กม.
- ES4 มอเตอร์ขนาด 300-800 Watt แบตเตอร์รี่ 4 Watt/hr. วิ่งได้เร็วสุด 30 กม/ชม. และวิ่งได้ในระยะทาง 45 กม.
- MAX มอเตอร์ขนาด 300-800 Watt แบตเตอร์รี่ 8 Watt/hr. วิ่งได้เร็วสุด 30 กม/ชม. และวิ่งได้ในระยะทาง 65 กม.
MAX มันมีรุ่นย่อยทั้งหมด 3 รุ่นได้แก่ G30D G30 G30P ที่ต่างหลักๆ คือความเร็วสูงสุด ไล่ตั้งแต่ 20, 25, 30 กม/ชม. ตามลำดับ ตัว G30P ซึ่งเป็นรุ่นที่ Monowheel จำหน่ายจะวิ่งได้เร็วสุด 30 กม/ชม. ครับ
จุดวางเท้า
- ES2 มีจุดวางเท้า กว้าง 6 นิ้ว และยาวประมาณ 19 นิ้ว (ขนาดสำหรับวางเท้า)
- MAX มีจุดวางเท้า กว้างถึง 7 นิ้ว และยาวประมาณ 21 นิ้ว (ขนาดสำหรับวางเท้า)
จะเห็นว่าทั้ง 2 รุ่นนั้นมีขนาดพื้นที่วางเท้าที่แตกต่างกัน ตัว MAX จะมีขนาดใหญ่กว่าทำให้สามารถวางเท้าได้มากกว่า และช่วยให้ทรงตัวง่ายมากยิ่งขึ้น ตอบโจทย์สำหรับการขับขี่สูงสุด แต่สำหรับ ES2 ถือว่าเป็นขนาดที่กำลังพอดีสำหรับยืนคนเดียวครับ
อันไหนถือสบายกว่ากันนะ
- ES2 เวลาพับแล้วจะยกตรงกลางระหว่างเครื่อง ด้วยน้ำหนัก 5 กก. ทำให้สามารถยกได้ไม่ยากมากนัก
- ES4 สามารถยกได้เหมือน ES2 เลย แต่จะหนักขึ้นนิดนึง เนื่องจากติดแบตเสริมแล้วจะทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นเป็น 5 กก.
- MAX เวลายกแนะนำให้ใช้สองมือยกครับ เพราะตัวเครื่องค่อนข้างหนักถือมือเดียวอาจจะหนักไป ตัวนี้น้ำหนักจะอยู่ที่ 18 กก.
พับใส่หลังรถได้ทั้งสามคัน
- ES2 จะพับจะอยู่เวลาปลายก้านตามรูปด้านบน เราแค่ใช้เท้าแตะเบาๆ และผลักแฮนไปด้านหน้าก็จะทำการพับได้ทันที
- ES4 จะพับเหมือน ES2 เลยครับ (ถึงจะติดแบตเสริมก็พับได้สบาย
- MAX ต้องทำการปลดตัวล็อคบริเวณปลายก้านเช่นกัน แต่ต้องใช้มือเพื่อดึงตัวล็อคออก และก็จะสามารถล็อคได้ตามปกติครับ
ทั้งสามคันเมื่อพับแล้วก็จะสามารถใส่หลังรถ หรือวางบริเวณเบาะหลังได้สบาย สามารถพกไปเที่ยวที่ไหนก็ได้
ชาร์จไฟบ้านได้ทั้ง 3 คัน
ทั้ง 3 รุ่นจะมีจุดชาร์จ และระยะเวลาในการชาร์จที่แตกต่างกันไป แต่ถึงยังไงก็สามารถชาร์จไฟบ้านได้ทั้ง 3 รุ่นเลยครับ
- ES2 จุดชาร์จจะอยู่บริเวณก้าน ใช้เวลาชาร์จ 3 ชั่วโมง
- ES4 จุดชาร์จจะอยู่ที่แบตเสริม ใช้เวลาชาร์จ 6 ชั่วโมง
- MAX จุดชาร์จะอยู่ท้องเครื่องครับ ที่สำคัญที่ชาร์จตัว AC Adapter มันฝังเข้าไปในเครื่องแล้ว ทำให้เราไม่ต้องพกแยก แค่เอาสายไฟไปอย่างเดียวก็ชาร์จได้เลย ใช้เวลาชาร์จ 6 ชั่วโมง
ไฟหน้าและหลังคล้ายกัน แต่ ES2 มีไฟใต้ท้องเครื่องด้วยนะ
ไฟหน้าและไฟหลังของ ES2 และ MAX ยังจะมีจุดที่แตกต่างกันเล็กน้อย
- ES2 ไฟหลังจะอยู่บริเวณด้านข้าง และมีไฟใต้ท้องเครื่องที่สามารถปรับสีตามใจชอบได้
- MAX ไฟหน้าจะสว่างกว่า ES2 ส่วนไฟหลังอยู่ติดอยู่ที่ด้านหลังเลยตรงบังโคลน และไม่มีไฟใต้ท้องเครื่องครับ
ระบบกันน้ำ IP54 และ IPX5
ระบบกันน้ำช่วยให้สามารถขี่ลุยฝนได้หรือป่าว ?
- ES2 ใช้ระบบกันน้ำ IP54 สามารถป้องกันฝุ่น และละอองน้ำได้ครับ สามารถขี่ลุนฝนได้บ้าง แต่หากหลีกเลี่ยงได้ก็แนะนำให้ไม่ขี่ลุยฝนครับ
- MAX ใช้ระบบกันน้ำ IPX5 สามารถป้องกันน้ำได้ดีเลยทีเดียวครับ ตัวนี้สามารถขี่ลุยฝนได้นะ แต่หากฝนตกหนักๆ ก็แนะนำให้หลีกเลี่ยงครับ
ทั้งสองรุ่นเวลาทำความสะอาดแนะนำให้ใช้ผ้าเปียกหมาดๆเช็ดทำความสะอาด ไม่แนะนำให้เอาน้ำมาฉีดราดเครื่อง หลังเช็ดแล้วนำมาแห้งมาเช็ดอีกรอบได้
สรุปภาพรวม
จบกันไปแล้วกับรีวิวเปรียบเทียบ Ninebot ES2 vs ES4 vs MAX ES2 vs ES4 vs MAX สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้ายอดฮิตที่สุดในปี 2020 จะเห็นว่าทั้ง 3 รุ่น เหมาะสมกับการใช้งานที่แตกต่างกันไป คนไหนที่ชอบการพกพก เน้นการขับขี่สะดวก ยกขึ้นลงง่ายๆ ก็จะเป็น Ninebot ES2 ถ้าเริ่มใช้จนคล่องแล้ว อยากเพิ่มความเร็ว และระยะทางก็จะติดแบตเสริมอัพเกรดเป็น Ninebot ES4 และหากมองว่าสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าไปยานพาหนะที่สำคัญในการเดินทาง ต้องการใช้แบบจริงจังในการเดินทางเป็นประจำก็แนะนำเป็นรุ่น Ninebot MAX ครับ
อ่านรีวิวเพิ่มสำหรับสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าของเรา
- ตอบหมดเปลือก Ninebot ES2 Watch VDO
- ทดลองขี่ Ninebot ES4 บนถนนจริง Watch VDO
- แกะกล่อง Ninebot MAX พร้อมทดลองขี่ Watch VDO