[Review] ADO A20 Lite และ Air จักรยานไฟฟ้าสุดพรีเมี่ยม คลื่นลูกใหม่ของวงการจักรยานไฟฟ้า

อีกหนึ่งทางเลือกของสายจักรยานไฟฟ้ามาแล้วแถมมาแบบพรีเมี่ยมซะด้วย พบกับรีวิวจักรยานไฟฟ้าที่พรีเมี่ยมและยังล้ำมาก ๆ จากแบรนด์ ADO และแน่นอนว่าถ้าผมมารีวิวแบบนี้แสดงว่า “MONOWHEEL เป็นตัวแทนจำหน่ายจักรยานไฟฟ้า ADO อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยนั่นเองครับ ทั้งศูนย์บริการ ศูนย์ซ่อม อะไหล่ เรามีบริการครบวงจร หากเครื่องมีปัญหาสามารถส่งซ่อมกับทางเราได้เลยครับ”

‍

ADO คือแบรนด์อะไร ?

พูดถึงชื่อแบรนด์ ADO หลายคนอาจจะไม่คุ้นชื่อมากนะครับเพราะว่าแบรนด์ ADO เป็นแบรนด์น้องใหม่ที่มีอายุเพียง 2 ปีเท่านั้นเอง แต่เรียกว่ามาแรงมากเลยนะครับ ในปีแรกที่เปิดตัวทำยอดขายไปได้มากกว่า 500 ล้านบาท และมี User ผู้ใช้กว่า 15,000 คน โดยปัจจุบัน ADO ขยายแบรนด์จนมี Warehouse กว่า 11 ที่ทั่วโลกแล้วนะครับ ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร อิตาลี โปแลนด์ เยอรมัน หรือจะมีทางฝั่งเอเชียก็ยังมีจีนกับอินโดนีเซียนะครับ แถมเกร็ดเล็กน้อยนิดนึง ADO ย่อมาจาก A DECE OASIS ซึ่งเป็นภาษาโปรตุเกสแปลว่า ‘โอเอซิสในทะเลทราย’ ให้อารมณ์เหมือนแสงสว่างท่ามกลางความสิ้นหวังนั่นเอง

ทำไมต้องจักรยานไฟฟ้าของ ADO ?

ADO ไม่ใช่เเพียงแค่แบรนด์ที่ผลิตเท่านั้นแต่ยังมีห้องแล็ปปฏิบัติการสำหรับทดสอบคุณภาพสินค้า (Quality Test Laboratory) สินค้าทุกชิ้นต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบความคงทนในทุกรูปแบบก่อน จึงจะออกมาวางขายได้ และไม่ใช่แค่ห้องแล็ปธรรมดา เพราะห้องแล็ปของ ADO ได้รับการรองรับคุณภาพและความปลอดภัยจาก SGS ซึ่งเป็นเป็นองค์กรตรวจสอบ ระบุ ทดสอบ และรับรองที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ทำให้การันตีได้ว่าผลิตภัณฑ์ของ ADO เป็นผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงที่ผ่านการทดสอบคุณภาพอย่างเข้มงวดและเป็นไปตามมาตรฐานสากล

ADO A20 Lite และ ADO A20 Air

จักรยานไฟฟ้าของ ADO ที่เราจะมารีวิวในบทความนี้คือ ADO A20 นะครับซึ่ง ADO A20 ก็ยังมีรุ่นแบ่งย่อยออกมาเป็น 2 รุ่นด้วยนะครับแบ่งออกมาเป็น A20 Lite และ A20 Air นะครับเดี๋ยววันนี้เราจะมารีวิวทั้ง 2 รุ่นควบคู่กันไปเลยนะครับ 

ADO A20 : In The Box

ก่อนจะไปรีวิวตัว ADO A20 ทั้งสองรุ่นกันเดี๋ยวมาเล่าของในกล่องก่อนนะครับว่ามีอะไรบ้าง ซื้อ ADO A20 ไปกล่องเดียวได้ของเต็มเลยนะครับ โดยของทั้งหมดจะมี

• ADO A20 x 1
• Battery x 1 
• ชุดบังโคลน x 1 
• สายชาร์จ x 1 
• ชุดอุปกรณ์การประกอบ x 1 
• ที่สูบลม x 1 
• ที่ติดโทรศัพท์มือถือ x 1

ให้มาครบทั้งที่สูบลมและที่ติดมือถือเลยนะครับ เรียกว่าไม่รู้จะขายอุปกรณ์เสริมอะไรต่อเลย แต่ถ้าใครอยากได้โซ่ล็อก เรามี Ninebot Passsword Lock นะครับ 890.- เท่านั้นครับ ขอขายของนิดนึง

‍

ADO A20 : Handlebar

เริ่มจาก Handlebar ก่อนนะครับ วัสดุของตัวแฮนด์เป็นอะลูมิเนียม อัลลอย นะครับ ตรงกลางสามารถปรับ Tilt Angle หรือองศาการงุ้มได้เพื่อความถนัดในการใช้งานของแต่ละคนนะครับ ฝั่งขวามีคันเร่งนะครับ เป็นคันเร่งที่ Built-in แตรไฟฟ้าลงไปให้ด้วย และความพิเศษของมันคือ มีเฉพาะ International Version เท่านั้นนะครับที่มีคันเร่งและแตรไฟฟ้าครับ แน่นอนว่า MONOWHEEL เราขาย Version ท็อปสุดตลอดอยู่แล้ว และฝั่งซ้ายก็จะเป็นหน้าจอสุดพิเศษของเราครับ พิเศษจนต้องขอเพิ่มเป็นหัวข้อแยกเลย

‍

ADO A20 : หน้าจอ

หน้าจอของ ADO A20 เรียกว่าเป็นหนึ่งใน Key Features เลยก็ว่าได้เพราะไม่ใช่หน้าจอธรรมดาแต่เป็นหน้าจอแบบ IPS Display นั่นเอง หน้าจอแบบ IPS เป็นหน้าจอที่นิยมใช้ในกลุ่มมือถือ แท็บเล็ต รวมถึงคอมพิวเตอร์และแล็ปท็อปอีกด้วย ข้อดีคือมีการให้สีที่แม่นยำ ให้ความ Contrast ของสีได้ดี ซึ่งทั้ง ADO A20 Lite และ Air ทั้ง 2 รุ่นใช้หน้าจอ IPS เหมือนกัน และสำหรับหน้าจอของ A20 ยังให้มาตรฐานการกันน้ำมาถึง IPX7 ด้วยนะครับ 

ADO A20 : การทำงานของหน้าจอ

หน้าจอของ A20 ไม่ได้มีไว้บอกสถานะอย่างเดียวนะครับแต่ยังใช้ปรับแต่งฟีเจอร์และการใช้งานได้อีกด้วย ผ่านปุ่มควบคุมทั้งหมด 3 ปุ่ม ประกอบด้วย 

ปุ่มเปิด - ปิด ตรงกลางขวาของหน้าจอ : ใช้สำหรับเปิด - ปิดเครื่อง 

ปุ่ม + : ใช้สำหรับเพิ่มระดับของ PAS (Pedal Assist System) หรือระบบส่งกำลังไฟฟ้ามาช่วยปั่นนั่นเอง และถ้ากดค้างจะแทนการเปิด - ปิดไฟหน้าได้ 

ปุ่ม - : ใช้สำหรับลดระดับของ PAS (Pedal Assist System) และถ้ากดค้างจะเป็นการ Activate Walk Mode หรือโหมดช่วยเข็นนั่นเอง 

*หากกดปุ่ม + และปุ่ม - พร้อมกันค้างไว้จะเป็นการเข้าสู่โหมด Settings และเราสามารถเข้าไปตั้งค่าการทำงานต่าง ๆ ได้ เช่น ปรับภาษา ปรับมาตรความเร็ว (km/h, mph) หรือจะใช้สำหรับตั้ง Password ก็ทำได้

ADO A20 : ฟีเจอร์เสริมของหน้าจอ

สำหรับหน้าจอนอกจากจะใช้สำหรับดูค่าสถานะต่าง ๆ หน้าจอยังมีการ Built-in USB Port Type-C (5V 1A) เข้ามาไว้สำหรับชาร์จมือถือหรือเครื่องมือสื่อสารนะครับ ยิ่งในกล่องแถม Phone Holder มาแล้วด้วยพกสายชาร์จเส้นเดียวอยู่ครับ 

ADO A20 : ลำคอและไฟหน้า

ลำคอก็เป็นอะลูมิเนียมนะครับ สามารถปรับความยาวของคอได้นะครับ เป็นการปรับแบบ Quick Release และตรงกลางตอมีตัวล็อกถ้าคลายออกจะสามารถะพับคอได้นะครับ ถัดลงไปจะเป็นไฟหน้า เค้าเคลมว่า 1200 ลูเมน และมีแถบ Reflector ขาวติดมาให้ด้วยเวลารถขับสวนในเวลากลางคืนเห็นเราแน่นอน

‍

ADO A20 : เฟรมและวัสดุที่ใช้

ถัดลงมาถือเป็นอีกหนึ่ง Key Features ของ ADO A20 นะครับนั่นก็คือตัวเฟรมหรือว่าตัว Body นั่นเอง ถามว่าเฟรมพิเศษอย่างไรบ้าง ? อย่างแรกคือวัสดุ เฟรมของ ADO A20 ทั้งสองรุ่นในวัสดุที่เป็นอะลูมิเนียม อัลลอย นะครับซีรีส์ 6061 ซึ่งเป็นซีรีส์ที่ทั้งแข็งแรง น้ำหนักเบาและง่ายต่อการขึ้นรูปกับการ Finishing นะครับ ซึ่งการเก็บงานของเฟรมตัวนี้ทำออกมาได้ดีมาก ๆ ถึงดีที่สุดเลยนะครับ ผิวเรียบเนียนเอามือลูบแล้วไม่มีบาดแน่นอน รวมถึงการเก็บคมตามช่องต่าง ๆ ก็ทำออกมาได้ดีอีกด้วย

‍

ADO A20 : น้ำหนักและการยก

ถัดจากเรื่องวัสดุก็เป็นเรื่องของการดีไซน์นะครับ เฟรมของ ADO มีการดีไซน์มาให้ตรงกลางเฟรมมีช่องสำหรับใช้ยกตัวเครื่องนะครับ น้ำหนักรวมของ ADO A20 รุ่น Lite อยู่ที่ 19 กก. และรุ่น Air อยู่ที่ 18 กก. เท่านั้นนะครับ สำหรับจักรยานล้อ 20 นิ้วถือว่าน้ำหนักไม่แย่เลย และสิ่งที่ทำให้การยกสบายขึ้นไปอีกคือการยกแบบไม่หนักไปข้างหน้าหรือข้างหลังเลยนะครับ CG (Center Gravity) ของรุ่นนี้ทำออกมาได้ดีมาก ๆ เลยครับ และนอกจากการยกแล้วเราสามารถพับได้ด้วยนะครับ ตรงกลางเฟรมจะมีสลักล็อกสำหรับพับเครื่องอยู่นะครับ เนื่องจากจักรยานไฟฟ้ารุ่นนี้เป็นทรงพับ (Folding E-Bike) นะครับจึงดีไซน์ออกมาให้พับครึ่งเครื่องได้นะครับ เดี๋ยวรีวิวดีไซน์เสร็จจะมาพับให้ดูกันครับ 

ADO A20 : แบตเตอรี่และเบาะ 

ขยับมาที่เรื่องเบาะนะครับ ดูจากรูปจะรู้ว่าไม่ใช่เบาะธรรมดานะครับ เพราะเบาะรุ่นนี้ Built-in แบตเตอรี่ไว้เลย เวลาถอดออกมาหน้าตาจะเป็นแบบนี้นะครับ ข้อดีเลยคือทำให้สามารถถอดไปชาร์จได้นะครับ ไม่ต้องหิ้วไปทั้งตัวเครื่อง ใต้เบาะมีสวิตช์สำหรับเปิด - ปิดการทำงานของระบบไฟฟ้านะครับ และด้านหลังมีสายเคเบิลสำหรับเชื่อมต่อการทำงานกับระบบไฟทั้งตัวเครื่องนะครับ สายเคเบิลของ ADO A20 ดีไซน์ออกมาได้ดีกว่าจักรยานไฟฟ้าหลาย ๆ รุ่นเลยนะครับเพราะว่าบางรุ่นจะเป็นแค่การเสียบเข้าไป แต่ของรุ่นนี้จะเมื่อเสียบเข้าไปแล้วสลักจะหมุนล็อกนะครับหากจะถอดก็ต้องหมุนแล้วดึงออกเหมือนเปิดขวดน้ำครับ ข้อดีมาก ๆ เลยคือมันไม่หลุดเองแน่นอนครับ และด้านในยังใส่ยาง O-Ring กันน้ำมาให้ด้วยนะครับ กันน้ำ ปลอดภัย ไม่หลุดเองแน่นอน และถัดมาจะมีตัว Reflector สีแดงนะครับ แต่สามารถใช้เป็นไฟท้ายได้เพราะมีปุ่มเปิด - ปิดครับ แต่ว่าจะไม่ได้ใช้ระะบบไฟจากแบตเตอรี่นะครับ แต่จะเป็นการใส่ถ่าน โดยใช้ถ่าน 3A 2 ก้อนครับสามารถแกะด้านหลังออกมาเปลี่ยนถ่านได้เลย

ADO A20 : ยางและเบรก

ต่อไปเป็นส่วนของยางนะครับ ยางของ ADO A20 ทั้ง 2 รุ่นเป็นยางลมมียางในนะครับขนาด 20 x 1.95 นิ้วนะครับ  ลมหมดสามารถใช้ที่เติมลมที่แถมมาเติมได้เลย และบริเวณซี่ล้อจะมี Reflector สีเหลืองติดมาให้ด้วยนะครับ ถัดจากยางมาเป็นเรื่องเบรกนะครับ เบรกเป็นอีกหนึ่งจุดต่างในรุ่น Lite และ Air นะครับเพราะเบรกของ ADO A20 Lite ใช้ดิสก์เบรกแบบธรรมดา ในขณะที่ ADO A20 Air ใช้ดิสก์เบรกแบบไฮดรอลิกนะครับ ว่ากันตามตรงดิสก์เบรกไฮดรอลิกของ ADO A20 Air ให้ระยะการเบรกและความรู้สึกในการเบรกที่ดีกว่านะครับ แต่ถ้าหากกำเบรกฉับพลันอาจจะเกิดอัตรายได้นะครับ ผู้ขับขี่ต้องระมัดระวังด้วยนะครับ 

‍

ADO A20 : ชุดปั่นสายพานคาร์บอน 

ไฮไลต์มาอีกแล้ว ไม่เล่าไม่ได้กับชุดปั่นของ ADO A20 เพราะชุดปั่นของทั้ง 2 รุ่นนี้ใช้ Carbon Belt Drive หรือสายพานแบบคาร์บอนแทนการใช้โซ่นะครับแล้วข้อดีของ Carbon Belt มีอะไรบ้าง ?

1. ให้เสียงรบกวนขณะปั่นที่น้อยกว่า
2. ไม่ต้องทำความสะอาด ไม่ต้องหยอดน้ำมัน ฝุ่นไม่เกาะ
3. น้ำหนักเบากว่าโซ่
4. ให้ความรู้สึกในการขับขี่ที่นุ่มกว่า
5. มีความแข็งแรง ไม่ต้องดูแลรักษา

ส่วนข้อเสียหลัก ๆ เลยของการใช้ Carbon Belt คือการที่ไม่สามารถทดเกียร์ได้นะครับ ถ้าต้องการช่วงเกียร์ที่กว้างขึ้นในส่วนนี้การใช้โซ่จะทำได้ดีกว่านะครับ  ส่วนบันไดปั่นรุ่นนี้ก็ยังให้มานะครับ จากที่ลองจับ ๆ ดูแข็งแรงมาก ๆ และพับได้เช่นเดียวกันครับ

ADO A20 : เซนเซอร์ตรวจจับการปั่น 

จุดต่างที่สำคัญที่สุดของ ADO A20 Lite และ ADO A20 Air จะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากเรื่องเซนเซอร์ตรวจจับการปั่น ด้วยจุดนี้ทำให้ Character ของทั้ง 2 รุ่นนั้นต่างกันเพราะ ADO A20 Lite ใช้เซนเซอร์ตรวจจับการปั่นแบบ Speed Sensor และ ADO A20 Air ใช้เซนเซอร์ตรวจจับการปั่นแบบ Torque Sensor นั้นเอง

‍

ADO A20 : Speed Sensor VS Torque Sensor

รุ่น Lite จะเป็นเซนเซอร์ที่เรียกว่า Speed Sensor 

โดยการทำงานคือมันจะใช้เซนเซอร์วัดรอบขา จะมีตัวแม่เหล็กวิ่งตัดกับเซนเซอร์ เมื่อตัดแม่เห็นมีการหมุนที่ถี่ขึ้น ตัวเซนเซอร์จะตรวจจับได้ว่า ตัววงปั่นมีการหมุน มอเตอร์จะส่งกำลังมาให้ โดยที่ไม่สนว่าเราจะออกแรงปั่นแบบเบา ๆ หรือปั่นสุดแรง มอเตอร์จะส่งกำลังไปจนถึงค่าสูงสุดที่เราตั้งไว้เลย และเซนเซอร์แบบนี้จะมีการส่งกำลังไฟที่ดีเลย์ และท้ายที่สุดถ้าเราปั่นได้ไม่แรงเท่ากำลังมอเตอร์ที่ส่งมา เราจะรู้สึกเหมือนมันฟรีนั่นเอง

ข้อดี 

• ใช้ง่าย ไม่ว่าจะปั่นแรง ปั่นเบา ก็ได้กำลังไฟที่เท่ากัน สำหรับคนที่ไม่อยากออกแรงปั่นมาก

• การให้กำลังไฟที่สม่ำเสมอ อย่างที่บอกตอนแรก คือไม่ว่าจะปั่นเบา ปั่นแรง ก็จะการันตีกำลังไฟที่สม่ำเสมอ โดยไม่ต้องอิงถือแรงปั่นของเรา
• มีความยืดหยุ่นในการใช้งาน ซึ่งเราสามารถเลือกระดับความแรงของกำลังมอเตอร์ได้จากการปรับเกียร์ PAS ได้เลยนั่นเอง ว่าอยากได้แรงแบบสุด ๆ หรือขับชิล ๆ ใช้เกียร์ต้น ๆ เอาก็ได้

ข้อเสีย

• การควบคุมระยะทางต่อชาร์จที่ยาก และระยะทางต่อชาร์จน้อยลง เพราะเมื่อเราแค่ออกแรงปั่นเบา ๆ แต่เซนเซอร์ส่งสัญญาณให้มอเตอร์ส่งกำลังแบบสุดแรง ซึ่งทำให้ใช้พลังงานอย่างมาก ทำให้อาจกินพลังงานจนเกินไปนั่นเอง
• สูญเสียฟีลขับจักรยาน เพราะเนื่องจากเซ็นเซอร์จะสื่อสารเพื่อสั่งงานมอเตอร์ทุกเมื่อที่สัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวที่แป้นเหยียบ เราอาจรู้สึกว่าได้รับ PAS มากเกินไปทั้งๆ ที่ใส่แรงไปเพียงนิดเดียว จะรู้สึกเหมือนไม่ได้ออกกำลังกายซึ่งถือเป็นความชอบส่วนตัวของแต่ละท่าน

‍

รุ่น Air จะเป็นเซนเซอร์ที่เรียกว่าTorque sensor 

การทำงานของคือมันจะใช้เซนเซอร์วัดแรงกดที่กดลงไปบนตัววงปั่น (เป็นเซนเซอร์ที่ Built in ไปในรูกะโหลกของวงปั่น) แทนการตรวจจับการหมุนของวงปั่นเมื่อเซนเซอร์ตรวจจับว่ามีแรงกดลงมาที่ตัว Crank arm เซนเซอร์จะส่งสัญญาณไปให้มอเตอร์ส่งกำลังมาช่วยปั่นในระดับท่ีสมดุลกับแรงกดของเรา ถ้าเราออกแรงเยอะ มมอเตอร์จะส่งกำลังเยอะ ถ้าออกแรงน้อย มอเตอร์จะส่งกำลังน้อย ถ้าเราหยุด มอเตอร์จะหยุดตาม เซนเซอร์ตัวนี้เป็นเซนเซอร์ที่ sensitive มาก ตอบสนองไวมาก ทำให้ไม่รู้สึกว่ากำลังไฟที่ส่งมามัน Delay เลย ทำให้จักรยานที่ใช้ torque sensor  จะให้ประสบการณ์และความรู้สึกเหมือนการขับจักรยานปกติ แต่จัสบายกว่า สำหรับคนที่อยากได้ฟีลปั่นสนุก ๆ ต้อง Torque (เหมาะกับการขึ้นเขาด้วย ปั่นสบายกว่า)

ข้อดี

• ฟีลการขับขี่ที่เป็นธรรมชาติ แต่สบายยิ่งขึ้น เพราะ Torque Sensor สามารถปรับระดับการช่วยเหลือของมอเตอร์ให้ตรงกับการออกแรงในการถีบของผู้ขับ เราจะไม่รู้สึกเหมือนจู่ ๆ เครื่องมันพุ่งจนเกินไป เพราะ​ Torque Sensor จะคุยกับมอเตอร์ตลอดว่าควรส่งกำลัง และจะค่อย ๆ ทำอย่างมีไดนามิก เราอยากชิล ปั่นเบา ๆ มอเตอร์ก็เบาตาม พอเราฮึดอย่างออกแรง มอเตอร์ก็ลุยไปพร้อมเรา ซึ่งมันสมูธมาก
• การได้ระยะทางขับขี่ที่มากขึ้น เพราะระบบ PAS ของ Torque Sensor ไม่ได้ปล่อยกำลังแบบระดับเดียว แต่จะปล่อยเท่าแรงเรา รู้สึกเหมือนเราไม่ได้เอาเปรียบมอเตอร์ เราปั่นเบา มอเตอร์ก็เบาตาม ทำให้ประหยัดพลังงานของมอเตอร์ได้ดีกว่า

ข้อเสีย

• เข้าถึงความเร็วสูงได้ยากกว่าและเหนื่อยกว่า เพราะอย่างที่บอกไปว่าหากเราปั่นเบา ๆ มอเตอร์จะทำงานเบาด้วยเพื่อความสมูธในการขับขี่ ทำให้แลกมาซึ่งความเหนื่อยเมื่อเราต้องการขับขี่ด้วยความเร็วสูงนั่นเอง เพราะเราเองต้องออกแรงปั่นแบบสุด ๆ ด้วย และการรักษาความเร็วก็ยากอีกเช่นกัน เพราะต้องใช้ความสม่ำเสมอนั่นเอง

‍

ADO A20 : การพับและการเข็น

จบการรีวิวพาร์ทดีไซน์ด้วยหัวข้อการพับซะเลย อย่างที่บอกไปนะครับว่า ADO A20 เป็นจักรยานไฟฟ้าทรงพับ (Folding E-Bike) ทำให้การพับเป็นจุดเด่นของรุ่นนี้ ADO A20 สามารถพับได้ทั้งหมด 3 จุดด้วยกัน

1. พับคอ
2. พับตัวเครื่อง
3. พับบันไดปั่น

เมื่อพับเสร็จทั้ง 3 ส่วนแล้วก็จะหน้าตาออกมาเป็นตามรูปด้านบนเลยนะครับ ส่วนลำคอกับเบาะก็สามารถปรับความสูงได้ด้วยตอนเราจะพับเราสามารถหดคอกับเบาะเพื่อให้ขนาดเล็กลงได้นะครับ และในการพับของ ADO จะมีทริคอีกเล็กน้อยคือ ถ้าเราพับแค่เครื่องกับบันไดปั่นแต่ไม่พับคอ ตัวเครื่องจะอยู่ในสภาพสำหรับเข็นนะครับ + การกดปุ่ม - ที่หน้าจอค้างไว้เพื่อให้ Walk Mode ทำงาน ทำให้การเข็นของเรานี่สบายอย่าบอกใครเลยครับ

ADO A20 : แอปพลิเคชั่น 

ADO A20 ทั้งสองรุ่นสามารถเชื่อมต่อแอปพลิเคชั่นได้นะครับ ใช้แอปพลิเคชั่น ADO E-Bike ลูกเล่นเยอะใช้ได้เลย

หน้า Home จะเป็นแบบนี้นะครับ จะมีปริมาณแบตเตอรี่บอก และสามารถเปิด - ปิดไฟหน้าผ่านแอปพลิเคชั่นได้นะครับ และมีค่าสถานะการขับขี่ต่าง ๆ เช่น ความเร็วขณะขับขี่ ระยะทางขับขี่ต่อรอบ อัตราการปั่น และระยะทางขับขี่ทั้งหมดนะครับ 

‍

Cycling Record 

ฟีเจอร์สำหรับเก็บสถิติสำหรับการปั่นโดยเฉพาะนะครับ เก็บทั้งระยะเวลา ความเร็ว และระยะทางเลย โดยจะมีเก็บเป็นแบบวันต่อวันและตีขึ้นมาเป็นกราฟแบบสวย ๆ เลย ส่วนของผมกราฟเรียบเลยครับ บิดอย่างเดียวเลย ฮ่า 

‍

Service

ฟีเจอร์นี้สำหรับ Support ลูกค้าที่ซื้อไปนะครับ จะมีทั้งวิดีโอการประกอบของแต่ละรุ่น รวมถึงถ้าเราอยากเปลี่ยน Spare Parts ต่าง ๆ ก็จะมีวิดีโอสอนเปลี่ยนนะครับ และมี FAQ คำถามที่ที่ถามกันมาบ่อย และมีช่องทางต่าง ๆ สำหรับติดต่อทาง ADO ด้วยนะครับ 

‍

3D Lab 

หนึ่งสิ่งที่ทาง ADO ภูมิใจนำเสนอเลยนะครับนั่นคือ ADO Laboratory นั่นเอง หรือก็คือเป็น Lab ที่ใช้สำหรับ QC Test เองเลย ADO มั่นใจในสินค้าทุกชิ้นที่ทำขึ้นมานะครับ ใครสงสัยว่า Lab Test ทำอะไรบ้าง มีห้องอะไรบ้าง มีเครื่องอะไรบ้างสามารถดูในนี้ได้เลย ADO ทำแบบ 3D ออกมาให้ดูกันครบทุกส่วนเลย นั่งดูเพลิน ๆ ได้เลยครับ 

‍

GO!

หนึ่งในฟีเจอร์ที่ ADO ทำออกมาได้โดดเด่นและไม่เหมือนใครนั่นคือ Smart Navigation นั่นเอง หรือเข้าใจกันแบบง่าย ๆ คือการเป็นเหมือน GPS นำทางนั่นเอง เมื่อเรากดให้มันนำทางผ่านแอปพลิเคชั่น ตัวแอปจะนำทางเราและเชื่อมต่อไปยังหน้าจออีกด้วย 

*ฟีเจอร์นี้ยังไม่รองรับในประเทศไทย แต่รับรองว่าในอนาคตมาแน่นอนครับ 

‍

Setting 

เมื่อเรากดเข้าไปที่ไอคอนบนขวาของหน้าแอปนะครับ จะมีฟีเจอร์ตั้งค่าต่าง ๆ 

Basic Information รายละเอียดของตัวเครื่อง

• Language สามารถเลือกภาษาได้ว่าจะให้ทั้งในแอปพลิเคชั่นและในหน้าจอของเราใช้ภาษาอะไร
• Vehicle Information ข้อมูลต่าง ๆ ของตัวเครื่อง
• Device Management ถ้าเราเชื่อมต่อหลาย ๆ เครื่องเราสามารถมาเลือกได้ในฟังก์ชั่นนี้นะครับ

Device Setting การตั้งค่าต่าง ๆ ของตัวเครื่อง

• Instrument brightness level ความสว่างของหน้าจอปรับได้ 3 ระดับ
• Unit of mileage หน่วยของมาตรความเร็วนะครับ สามารถเลือกได้ว่าจะใช้เป็น km หรือ mile
• Assist Gear การเลือกอัตราของเกียร์นะครับ เลือกได้ว่าอยากให้เป็น 3 เกียร์หรือ 5 เกียร์ แต่ผมแนะนำ 3 ครับ
• Enable Gear 0 สามารถเลือกได้ว่าจะให้มีเกียร์ 0 หรือไม่มีนะครับ (เกียร์ 0 คือใช้แรงล้วน ๆ ไม่มีไฟฟ้า)
• Voltage display สามารถตั้งค่าได้ว่าจะให้โชว์หน้า Volt มั้ยนะครับ
• Start password สามารถเปิด - ปิด และตั้ง password สำหรับเข้าเครื่องได้

Version Management การอัปเดตเฟิร์มแวร์ต่าง ๆ 

• Bluetooth version เวอร์ชั่นของบลูทูธ
• App version เวอร์ชั่นของแอปนะครับ ถ้ามีให้อัปเดตสามารถอัปเดตได้
• Service Agreement & Privacy policy ข้อกำหนดต่าง ๆ นะครับ

ADO A20 Lite และ ADO A20 Air เลือกรุ่นไหนดี ?

จุดต่างในด้านของสมรรถนะการใช้งานของ ADO A20 ทั้ง 2 รุ่นมีอยู่ 3 จุดหลัก ๆ นะครับ 

1. เซนเซอร์การปั่น : Lite = Speed Sensor, Air = Torque Sensor
2. เบรก : Lite = ดิสก์เบรกธรรมดา, Air = ไฮดรอลิก ดิสก์เบรก 
3. น้ำหนัก : Lite = 19 กก., Air = 18 กก.

ถึง ADO A20 Air จะแพงกว่า แต่ใช่ว่าจะเหมาะกับคุณมากกว่านะครับ สุดท้ายเป็นความชอบของแต่ละคนจริง ๆ ในการเลือกใช้งานนะครับ อย่างที่บอกไปว่า Character ของ Speed Sensor และ Torque Sensor เป็นยังไงนะครับ ถ้าชอบฟีลปั่นที่เหมือนปั่นจักรยานจริง ๆ สมูธและสบาย เราก็คงต้องไปทางรุ่น Air แต่ถ้ารู้สึกว่าฉันต้องการความเร็ว เน้นบิดเยอะน้อย ปั่นบ้าง แนะนำว่ารุ่น Lite ก็พอครับ

‍

Conclusions

เสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้วกับบทความรีวิว ADO A20 ทั้งรุ่น Lite และรุ่น Air นะครับ และสิ่งที่ทุกคนอยากรู้ที่สุดนะครับนั่นก็คือราคานั่นเอง 

ADO A20 Lite ราคา 42,900.-

ADO A20 Air ราคา 56,900.-

หลายคนอาจจะมองว่าทำไมเป็นจักรยานไฟฟ้าที่ราคาแพงจัง คำตอบนี้อยากให้ทุกท่านได้มาสัมผัสตัวจริงครับ ได้มาลองดูการประกอบและการเก็บงาน วัสดุ ฟีลปั่น ฟีเจอร์ล้ำ ๆ ที่ได้มา และถ้าสั่งซื้อกับ MONOWHEEL ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการนะครับ แน่นอนว่าเรามีประกันให้นะครับ ประกันยาวพิเศษกว่ารุ่นไหน ๆ เลยเพราะประกันเฟรมถึง 5 ปี ประกันมอเตอร์และแบตเตอรี่อีก 1 ปีนะครับ ใช้กันยาว ๆ เรามีบริการดูแลตลอดอายุการใช้งานอยู่แล้วนะครับ สำหรับใครที่อยากทดลองตัวจริงสามารถคลิกที่ >> สาขาใกล้บ้านคุณ เพื่อดูว่ามี Demo เจ้า ADO อยู่ที่สาขาไหนบ้างและสาขาไหนใกล้คุณบ้างนะครับ สำหรับวันนี้ขอบคุณที่อ่านรีวิวจนจบมาก ๆ ใครอยากให้รีวิวหรือเขียนบทความอะไรอีก แจ้งแอดมินได้เลยนะครับ 

‍

‍

‍

‍

‍

‍

‍

‍

‍

‍

‍

‍

‍

‍